
ผื่นแดงบนใบหน้า หรือในชื่อภาษาอังกฤษว่า Red Face Syndrome นั้น จะเป็นผื่นสีแดงเหมือนผดบนใบหน้า เวลาลูบจะรู้สึกกระด้างสาก ๆ มือ อาจจะคันหรือไม่ก็ได้ แต่จะระคายเคืองต่อแดดและเหงื่อมาก ส่วนมากพบในผู้หญิง เพราะบริเวณผิวหน้าเป็นส่วนที่รับสัมผัสจากมลพิษและเครื่องสำอางได้มาก โดยประเภทของของผื่นแดงบนใบหน้าสามารถแบ่งออกได้เป็น

- ผื่นระคายสัมผัส ผื่นชนิดนี้จะเกิดจากการสัมผัสกับสารที่มีฤทธิ์ทำความระคายเคืองนานและมากพอ มีขอบชัดเจน บวมแดง มากเกิดขึ้นกับผู้ที่ใช้เครื่องสำองค์ที่มีส่วนผสมของกรดวิตามินเอ AHA หรือ BHA หรือมีสารลอกผิวเป็นเวลานาน ๆ
- ผื่นอักเสบบริเวณที่มีผิวมัน จะมีลักษณะเป็นผื่นแดง มีอาการคัน พบได้มากบริเวณคิ้ว ใบหู ข้างจมูก และหนังศีรษะมีรังแค
- ผื่นแพ้สัมผัส เป็นผื่นแดง มีอาการอักเสบและคันบริเวณที่โดนสารที่แพ้ มากเกิดหลังการสัมผัสแล้วประมาณ 2 อาทิตย์จนถึง 3 เดือน
- ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง เป็นผื่นแดง ผิวแห้ง เกิดได้มากบริเวณหน้า คอ ข้อพับของแขนและขา มักพบในผู้ป่วยที่มีประวัติหรือมีกรรมพันธุ์เป็นภูมิแพ้ชนิดต่าง ๆ
- ผื่นอักเสบรอบปาก จะมีตุ่มแดง ตุ่มน้ำ หรือตุ่มหนองรอบ ๆ ริมฝีปาก
- ผื่นอักเสบร่วมกับแสง จะเกิดจากการสัมผัสสารก่ออาการแพ้ร่วมกับการโดนแสงแดด ทำให้เกิดผื่นอักเสบบริเวณผิวนอกร่มผ้า เช่น หน้าขน แขน และใบหน้า
- เป็นสิว พบมากในผู้ที่มีผิวมัน มีหลายแบบไม่ว่าจะเป็นสิวอักเสบเป็นหนอง สิวหนอง ถุงใต้ผิวหนังหรือสิวหัวปิดมีจุดไขมันสีดำตรงกลาง
- ผื่นอักเสบชนิด Rosacea พบได้มากในคนที่มีผิวขาว มักมีอาการหน้าแดง ตุ่มหนอง ตุ่มแดงอักเสบ หลอดเลือดฝอยขยาย มักมีสาเหตุมาจากโดนความร้อน แสงแดด อารมณ์ที่เปลี่ยนแปลง หรือแอลกอฮอล์
- ผื่นผิวหนังบางและหลอดเลือดฝอยขยายตัวจากยาสเตียรอยด์ เป็นผลข้างเคียงจากการยาที่มีส่วนประกอบของคอร์ติโคสตีรอยด์ เป็นเวลานาน ซึ่งมักพบได้ในผู้ที่ใช้ยาที่ปราศจากการควบคุมของแพทย์
จะเห็นได้ว่าผื่นบนผิวหน้านั้นแบ่งออกได้หลายประเภทเลยทีเดียว แต่ไม่ว่าคุณผู้อ่านจะเป็นผื่นแพ้ชนิดใดก็ตาม ก็ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อทำการรักษาให้เร็วที่สุดนะคะ